ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงข่าวหรือข้อมูล เรื่อง : ชี้แจงข่าวหรือข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถาม รายละเอียด : ที่ ตล.009/2568 วันที่ 24 เม.ย. 2568 เรื่อง ชี้แจงข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567 ตามที่จดหมายเลขที่ บจ. 144/2568 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อ้างถึง หนังสือขอให้ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567 เลขที่ บจ. 144/2568 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำเนาถึง เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทเอเคเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AKS) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงิน ประจำปี 2567 โดยผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตดังนี้ (1) การลงทุนเพิ่มในบริษํท กรีนเอิรธ์พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (GEPT) โดยเปลี่ยนราคาจ่ายซื้อหุ้นเพิ่มอีก 20% และเปลี่ยนการจ่ายค่าจัดหาหุ้นเป็นค่าคอมมิชชั่น ซึ่งต้องคืนเงินส่วนต่างให้บริษัทแต่ยังไม่ได้รับเงินคืน 255 ล้านบาท (2) การทยอยจ่ายซื้อคืนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) แต่บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินเมื่อครบกำหนดชำระได้ (3) การประกอบธุรกิจในอนาคต ซึ่งได้บันทึกด้อยค่าความนิยมในจำนวนที่มีนัยสำคัญ กรณีข้างต้นอาจกระทบต่อฐานะทางการเงิน ผลดำเนินงาน และการขยายธุรกิจของบริษัท โดยขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 24 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท สรุปเหตการณ์และข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567 1. การลงทุนเพิ่มในบริษัท กรีนเอิรธ์พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (" GEPT ") เมื่อเดือนกันยายน 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ซื้อหุ้น GEPT จากบริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (" META ") ปัจจุบันถือ 11.5% เป็นเงินลงทุน 1,382 ล้านบาท) โดยทำสัญญาให้ Planet Energy Holding Pte. (" PEH") เป็นผู้เจรจากับ META และได้จ่ายค่าธรรมเนียมจัดหาหุ้นให้กับ PEH300 ล้านบาท รวมทั้งเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้จ่ายเงินมัดจำค่าหุ้นแบบเรียกคืนได้ให้กับ META จำนวน 250 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลให้ต้องได้รับเงิน PEH 255 ล้านบาท แต่ยังไม่รับคืน สรุปได้ดังนี้ วงเงินซื้อหุ้น GEPT 12% ประกอบด้วย เดิม 1,050 ลบ. ปรับลดลงเหลือ 945 ลบ. - ค่าหุ้น GEPT (จ่ายให้ META) เดิม 750 ลบ. ปรับเพิ่มเป็น 900 ลบ. (20%) จ่ายไปแล้ว 250 ล้านบาท - ค่าธรรมเนียมจัดหาหุ้น / ค่าคอมมิชชั่น (จ่ายให้ PEH) เดิมเป็นค่าธรรมเนียมจัดหาหุ้น 300 ลบ. จ่ายไปแล้วทั้งจำนวน ปรับเป็นค่าคอมมิชชั่น 5% เท่ากับ 45 ลบ. ทั้งนี้ ปี 2567 บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของหุ้น GEPT 798 ล้านบาท (58% ของเงินลงทุน) ทำให้เงินลงทุนลดลงจาก 1,382 ล้านบาท เหลือ 585 ล้านบาท และผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตของการลงทุนเพิ่มเติมตามข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทดังนี้ 1.1 ความสมเหตุสมผลของราคาซื้อหุ้น GEPT และการปรับราคาซื้อเพิ่มอีก 20% โดยบริษัทได้หุ้นสัดส่วนเท่าเดิมและมูลค่ายุติธรรมของหุ้น GEPT ลดลง รวมทั้งการจ่ายเงินมัดจำ พร้อมสรุปข้อมูลที่พิจารณาลงทุนโดยสังเขป ตอบ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทในกลุ่มถือหุ้นจำนวน 11.50% โดยการถือหุ้นสามัญในกรณีที่ถือหุ้นเพิ่มขึ้น อีก 12% บริษัทรวมเป็น 23.50% บริษัทฯจะได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ขายหุ้น 12% โดยหุ้นดังกล่าวมีราคาประเมินอยู่ที่ 900-1200 ลบ. (ราคาประเมินโดย บจก.สีลม แอ๊ดไวเซอรี่) กรรมการมีอนุมัติกรอบการเข้าทำรายการไม่เกิน 1,150 ลบ. แบ่งเป็นค่าหุ้น 750 ลบ. ค่าตัวแทนซื้อ 300 ลบ. ต่อมาภายหลังมีการปรับราคาซื้อเพิ่มจากเดิม 20% เมื่อรวมกับค่านายหน้าที่ลดลงจากเดิมเป็นจำนวน 5% จากราคาหุ้น เป็นจำนวน 45 ลบ. เมื่อรวมกับค่าหุ้นแล้วเป็นจำนวน 945 ลบ. ซึ่งเป็นไปตามราคาประเมินของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เงื่อนไขการชำระเงิน ดังนี้ งวดการชำระเงิน จำนวนเงินสด / เงินโอน เงื่อนไขการชำระเงิน เงินวางมัดจำแบบเรียกคืนได้ 250,000,000 บาทตามบันทึกความเข้าใจเพื่อการลงทุนในบริษัทเป้าหมาย ฉบับวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 งวด ที่ 1 250,000,000 บาท ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ลงนามสัญญา งวด ที่ 2 250,000,000 บาท ภายในปี 2568 และ META ดำเนินการโอนหุ้นในสัดส่วนของจำนวนเงินที่ได้รับชำระ งวด ที่ 3 150,000,000 เมื่อ GEPT ก่อสร้างเฟสที่ 2 แล้วเสร็จ และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2569 และ METAดำเนินการโอนหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมด รวม 900,000,000 ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาลงทุนซื้อหุ้น GEPT กับทาง META คือ หลักประกันเป็นใบหุ้นที่ META มีกรรมสิทธิ์ ที่ AKS ยอมรับได้เพื่อเป็นประกันการชำระเงินค่าหุ้นบางส่วนภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นที่จะจัดทำร่วมกันต่อไป โดยหลักประกันจะคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่ากว่าค่ากว่าค่าตอบแทนที่กลุ่มAKSชำระให้กับทาง META โดย META ได้เสนอใบหุ้นบริษัท วินเทจ โฮลดิ้ง เจแปน จำกัด ("VHJ") (บริษัทย่อยที่ META ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 100) จำนวน 65,700,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่า 657,000,000 บาท โดยประมาณมูลค่ายุติธรรมของหุ้นเท่ากับ 787,427,710.95 บาท (อ้างอิงจากรายงานการประเมินมูลค่ายุติธธรรมของที่ปรึกษาการเงินตามรายชื่อของสำนักงาน ก.ล.ต. (บริษัท สีลม แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด) ฉบับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 โดยประเมินจากวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ) เป็นหลักประกันให้กลุ่ม AKS เมื่อทำสัญญาซื้อขายหุ้น และชำระเงินงวดที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นหลักประกันที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่าเงินที่กลุ่มAKSชำระให้กับMETA แล้ว 500,000,000บาท ปัจจุบัน VHJ มีการทำสัญญาการลงทุน (Investment Term Sheet) โดยการวางมัดจำแบบเรียกคืนได้แก่ NuGen Power Company Limited ("NuGen") เพื่อเข้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 โครงการ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล เมืองซะงะ ขนาดกำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ ("SAGA 25 MW") 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล เมืองวากะยะมะขนาดกำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ ("WAKAYAMA 25 MW") 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล เมืองคาระสึ ขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ("SAGA 50 MW") 1.2 ความสมเหตุสมผลและประโยชน์สูงสุดที่บริษัทได้รับจากการให้ PEH เป็นผู้เจรจาซื้อหุ้นแทนเจรจากับ META โดยตรงทั้งที่บริษัทมีความสัมพันธ์เป็นผู้ถือหุ้นของ GEPT 11.5% พร้อมสรุปข้อมูลสำคัญของ PEH และสัญญา (เช่น การประกอบธุรกิจ ซื่อผู้ถือหุ้น และกรรมการรวมถึงความสัมพันธ์กับบริษัททั้งผู้ถือหุ้น กรรมการ และผู้บริหาร ณ วันที่ เข้าทำสัญญาและปัจจุบัน กรอบเวลาของสัญญา เงื่อนไขสำคัญตามสัญญา) ตอบ เหตุผลที่ที่บริษัทฯ แต่งตั้งให้ PEH เพื่อการจัดหาหุ้น GEPT ให้บริษัท โดย PEH มีหน้าที่เจรจาต่อรองกับทาง GEPT การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญดังนี้ - เดิมบริษัทฯไม่สามารถส่งตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการเนื่องจากถือหุ้นใน GEPT เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว กล่าวคือ ร้อยละ 11.5 ของทุนชำระแล้ว หากการทำรายการบรรลุตามที่ได้กล่าวในข้างต้นบริษัทฯจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 23.5 ของทุนชำระแล้ว ดังนั้นจะต้องสามารถส่งตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการใน GEPT ได้อย่างน้อย 1 ท่าน - ในกรณีที่ GEPT มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 220 MW ดังกล่าว ผู้ถือหุ้นของ PEH ตกลงรับผิดชอบที่จะจัดหาเงินลงทุนและชำระเงินเพิ่มทุนเองทั้งหมดเพื่อให้เพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการให ้สำเร็จ โดยบริษัทฯ จะต้องมีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน GEPT เท่าเดิม ตลอดระยะเวลาของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 220 MW - มติของที่ประชุมคณะกรรมการของ GEPT ในการอนุมัติเรื่องสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรรมการที่ได้รับการเสนอชื่อจากบริษัทฯ อย่างน้อย 1 เสียง ? การเพิ่มหรือลดทุนจดทะเบียน ? การอนุมัติงบบประมาณประจำปี ? การกำหนดแผนการลงทุน ? การลงทุนในโครงการผลิตและจำหน่ายโรงไฟฟ้าที่นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 220 MW ? การเข้าทำสัญญาที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท เฉพาะที่ไม่ได้ระบุไว้แล้วในงบประมาณหรือในแผนการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการแล้ว ? การกู้ยืมเงินที่มีวงเงินกู้ยืมเกิน 100 ล้านบาท และการก่อหลักประกันต่างๆ เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน ? การกำหนดนโยบายและการอนุมัติจ่ายเงินปันผลของ GEPT ? การกำหนดนโยบายและการอนุมัติจ่ายเงินปันผลของบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นในประเทศเมียนมาร์ - บริษัทฯ ได้รับการปกป้องสิทธิในการถือหุ้นข้างน้อย (ร้อยละ 12) ใน GEP โดยมีสิทธิในการยับยั้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการอนุมัติเรื่องสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้ ? การเพิ่มหรือลดทุนจดทะเบียน ? การเข้าทำสัญญาที่มีมูลค่าเกินกว่าทุนจดทะเบียนของ GEP ? การกู้ยืมเงินที่มีวงเงินกู้ยืมเกินกว่าทุนจดทะเบียนของ GEP 1.2.1 คู่สัญญา : Planet Energy Holding Pte. กรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัท Planet Energy Holding Pte คือ Mr. Supasit Pokinjaruras รายชื่อผู้ถือหุ้นของ Planet Energy Holding Pte. ลำดับ รายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น ร้อยละ 1 AVA ASIA LTD. 5,000 100 AVA ASIA LTD. ก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบ PV สำหรับอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ และสำหรับใช้งานทั่วไป 1.2.2 ความสัมพันธ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งบริษัทและกลุ่มบริษัทแต่อย่างใด 1.2.3 เงื่อนไขตามสัญญา เงื่อนไข และหน้าที่ของ PEH จะต้องปฏิบัติตามสัญญาฉบับนี้ 1) PEH จะต้องดำเนินการเจรจาต่อรองกับ GEPT ในเรื่องที่จะให้ AKS ได้เข้าเป็นกรรมการ (Board Seat) ของ GEPT อย่างน้อย 1 ที่ และให้ AKS สามารถใช้สิทธิ Veto ในการเข้าร่วมประชุมต่างๆ ที่สำคัญ เช่น เรื่องการเพิ่มทุน การบริหารงานต่างๆ 2) กรณีที่ต้องใช้มติพิเศษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ : (1) การแก้ไขข้อบังคับและ/หรือหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท (2) การชำระบัญชีหรือล้มเลิกกิจการของบริษัท (3) การเพิ่มหรือลดทุนของบริษัท (4) การควบรวมกับบริษัทอื่น (5) การออกหุ้นใหม่เป็นหุ้นที่ชำระเต็มหรือบางส่วนโดยไม่ใช่เป็นเงินสด (6) การแปลงสถานะของบริษัทเป็นบริษัทมหาชน (7) การทำสัญญาหรือข้อตกลงที่มีมูลค่าเกินกว่าทุนจดทะเบียนของบริษัท (8) การก่อหนี้ทางการเงิน (รวมถึงการกู้ยืมและการออกตราสารหนี้) โดยบริษัทเกินกว่าทุนจดทะเบียนของบริษัท รวมถึงการสร้างหลักประกันใดๆ เพื่อค้ำประกันหนี้ทางการเงิน ใช้บังคับกับการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา 1.3 ความคืบหน้าและการดำเนินการเพื่อให้ได้หุ้น GEPT และรับเงินคืนจาก PEH รวมทั้งมาตรการป้องกันความเสี่ยง (เช่นหลักประกัน) กรอบเวลาที่จะได้รับหุ้นGEPTและได้รับเงินคืนครบจำนวน ตอบ จากมติที่ประชุมครั้งที่ 5/2568 เมือวันที่ 31 มีนาคม 2568 ทางบริษัทขอขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจ เพื่อการลงทุนใน PEH และขยายระยะเวลาการจัดทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญ GEPT จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 เป็นวันที่ 30 เมษายน 2568 เนื่องจากสถานการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาในประเทศเมียนมา บริษัทฯ จึงต้องการทราบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ก่อน ซึ่งพิจารณาแล้วให้ขอขยายระยะเวลาการทำสัญญาดังกล่าว ในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้รับรายงานจาก META พบว่า GEP (Myanmar) Company Limited ในส่วนโรงไฟฟ้า เฟสที่ 1 ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ไม่ได้รับผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่กระทบต่อสาธารณูปโภค อุปกรณ์ และการผลิตไฟฟ้าแต่อย่างใด จึงคาดว่านำข้อมูลนี้แจ้งคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาในการทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญ GEPT ต่อไป ส่วนเรื่องมาตรการป้องกันความเสี่ยงทางบริษัทได้แจ้งถึงหลักประกันเป็นหุ้นบริษัทวินเทจ โฮลดิ้ง เจแปน จำกัด ("VHJ") (บริษัทย่อยที่ META ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 100) ในข้อ 1.1 เพื่อเป็นมาตรการป้องกันความเสี่ยง ทั้งนี้บริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ พร้อมกับการนำส่งงบการเงินทุกไตรมาสให้ทางตลาดฯ รับทราบเป็นระยะ 2. การทยอยจ่ายซื้อคืนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ตามที่ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลกรณีทำสัญญาขายหุ้น WEH 1.25 ล้านหุ้น และซื้อคืนในราคาที่สูงกว่า บริษัทชี้แจงว่าเป็นการทำสัญญากู้ยืมเงินโดยใช้หุ้น WEH เป็นฯหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งผู้กู้ต้องโอนหุ้น WEH คืนเมื่อได้ชำระเงินครบถ้วนตามสัญญากู้ยืม ทั้งนี้ปี 2567 กลุ่มบริษัทไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด 5.2 ล้านบาท และมียอดที่ต้องชำระภายในปี 2568 อีก 86.2 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรม 431 ล้านบาท (33% ของเงินลงทุน) ทำให้เงินลงทุนลดลงจาก 1,290 ล้านบาท เหลือ 859 ล้านบาท ซึ่งผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตตามข้างต้นและการทำสัญญาขายหุ้น WEH และซื้อคืนในราคาที่สูงกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัท ดังนี้ 2.1 มาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกยึด WEH ซึ่งเป็นหลักประกันเงินกู้ยืม ตอบ ในกรณีนี้ทางบริษัทฯ มีความสัมพันธ์อันดีที่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้ที่สามารถตกลงแนวทางดังกล่าวได้ เช่น การขอขยายระยะเวลาการชำหนี้ เป็นต้น โดยทางเจ้าหนี้ก็ตอบรับการขยายระเวลาชำระหนี้ออกไป ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหนี้แจ้งขอยึดหลักประกันจากทางบริษัทฯ 2.2 ความคืบหน้าการชำระหนี้ที่ครบกำหนดแล้วและแนวทางดำเนินการเพื่อชำระหนี้ที่จะครบในปี 2568 ได้ตามกำหนด ตอบ การชำระหนี้มีบางส่วนชำระหนี้ได้ตามกำหนด และในกรณีที่ยังไม่สามารถชำระหนี้บริษัทฯ มีแนวทางเจรจาขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้กับเจ้าหนี้ออกไป ในปัจจุบันหนี้ดังกล่าวยังไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ 3. การประกอบธุรกิจในอนาคต ปี 2567 บริษัทบันทึกด้อยค่าความนิยมของ บริษัท อีโกรนิกส์ จำกัด (ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกัญชงกัญชา : บริษัทย่อย 100%) 1,034 ล่านบาท จากมูลค่าเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท ทำให้มีค่าความนิยมเหลือ 101 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของ GEPT และ WEH ตามที่ระบุในข้อ 1 และ 2 รวม 1,229 ล้านบาท ซึ่งผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตตามข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทดังนี้ 3.1 นโยบายการประกอบธุรกิจกัญชงกัญชาในอนาคตรวมทั้งมาตรการการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนต่างๆ ในอนาคตเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อฐานะการเงิน ผลดำเนินงาน และสภาพคล่องของบริษัท ตอบ นโยบายของบริษัทฯ คือการหาพันธมิตรเพื่อร่วมการดำเนินการต่อยอดในธุรกิจกัญชงและกัญชา ในกรณีที่ทางบริษัทฯมีความคืบหน้าจะรายงานผลความคืบหน้าให้ทราบผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ 3.2 ความครบถ้วนเพียงพอของบันทึกค่าความนิยมหรือมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน ตอบ บริษัทฯ บันทึกค่าความนิยมหรือมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนตามมาตรฐานการบัญชีในระยะเวลาที่กำหนด ในการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนดังกล่าว ในกรณีที่สถานการณ์เปลี่ยนไปในอนาคตที่ได้บ่งชี้ว่าเงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็สามารถที่จะปรับ มูลค่ายุติธรมมเพิ่มขึ้นได้ ผู้บริหารและกรรมการมีความเห็นว่าการบันทึกรายการค่าความนิยมและมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนครบถ้วนเพียงพ อ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถือ (นายสง่า ตันติอมรพงษ์) (นายชำนาญ วังตาล) กรรมการ กรรมการ ลงลายมือชื่อ ___________________________ ( นายสง่า ตันติอมรพงษ์ และ นายนายชำนาญ วังตาล ) กรรมการ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้ หากท่านต้องการดูรายละเอียดสารสนเทศฉบับนี้แบบเต็ม โปรดคลิก "รายละเอียดแบบเต็ม"