วันที่/เวลา 25 Aug 2021 18:29:00

หัวข้อข่าว

รายงานแนวทางและความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไข กรณีที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย "C"

หลักทรัพย์ AKS
แหล่งข่าว AKS
ที่ ตล. 021/2564 25 สิงหาคม 2564 เรื่อง รายงานแนวทางและความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไข กรณีที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" ของบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) ในการที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" จากการที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินประจำไตรมาส 2ปี 2564 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยจัดประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 เวลา 10.00 น. ณ อาคารเอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)เลขที่ 102 ถนนริมคลองบางกะปิ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ขอรายงานสรุปผลการประชุม ดังนี้ สาเหตุจากที่บริษัทฯมีผลขาดทุนจำนวนมากเนื่องจากการตั้งสำรองภาระหนี้สินจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอ าญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องชดให้ให้ธนาคารกรุงไทยมีอยู่จำนวน 3,057.64 ล้านบาทเกิดจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้บริษัทร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย จำนวน 10,004.47 ล้านบาท บริษัทฯ จ่ายชำระไปแล้วจำนวน 1,635.74 ล้านบาท คงเหลือภาระหนี้สินที่ต้องชดใช้จำนวน 8,368.73 ล้านบาท แนวทางแก้ไข การขายทอดตลาดที่ดินหลักประกัน จำนวน 4,300 ไร่ ซึ่งราคาของที่ดินที่ขายทอดตลาดคณะกรรมการกำหนดราคาขายอยู่ที่ ราคา 8,914.07 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าจำนวนเงินที่บริษัทต้องชดใช้ โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เป็นนัดแรกในการขายทอดตลาด มีผู้ประมูลที่ดินหลักประกันได้ในราคา 8,914.07 ล้านบาทโดยผู้ประมูลได้วางเงินมัดตามระเบียบที่สำนักงานบังคับคดีจำนวน 448.50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือผู้ประมูลได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระเงินออกไปเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 และในวันที่ 24 มกราคม 2562 ผู้ประมูลซื้อได้ชำระเงินจำนวน 3,819 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ประมูลกลุ่มที่ 1 ในส่วนทรัพย์ที่ประมูลกลุ่มที่ 1และ 2 เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โกลเด้นท์ฯ ส่วนที่ดินกลุ่มที่ 3 เป็นกรรมสิทธิ์ของบจก.เคแอนด์วี เอส อาร์ เอส การ์เด้นทโฮม ซึ่งบจก.โกลเด้นฯ ถือหุ้นร้อยละ 99.97 ได้นำที่ดินมาวางค้ำประกันภาระหนี้ให้กับบจก.โกลเด้นฯ โดยบจก.เคแอนด์วี เอส อาร์ เอส การ์เด้นโฮม ได้ยื่นเรื่องคำร้องเพิกถอนการขายทรัพย์ โดยอ้างว่าเป็นการขายไม่ชอบด้วยกฎหมายมี 4 คดี โดยดังกล่าวศาลได้ยกคำร้อง และมี 1 คดีที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์และศาลไม่รับคำอุทธรณ์คดีเป็นอันยุติ ขณะนี้ผู้ประมูลซื้อที่ดินดังกล่าวได้ชำระเงินค่าที่ดินทั้งหมดเรียบร้อยส่วนเงินจำนวน 1,196.02 ล้านบาทผู้ประมูลซื้อได้นำเงินไปวางที่กองบังคับคดีและในวันที่ 15 กันยายน 2563 ธนาคารกรุงไทยได้รับชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือเรียบร้อยแล้ว โดยธนาคารกรุงไทยได้ใช้คำพิพากษาศาลแพ่งไปขอรับชำระหนี้ทั้งหมด และธนาคารกรุงไทยได้บันทึกบัญชีเป็นดอกเบี้ยรับทั้งจำนวนจึงเป็นเหตุให้บริษัทเอคิวฯยื่นฟ้องธนาคารกรุงไท ยและผู้บริหารของธนาคารกรุงไทยฯ เนื่องจากธนาคารกรุงไทยฯผิดข้อตกลง ในกรณีที่บริษัทเอคิวฯชนะการฟ้องในคดีนี้ สำรองภาระหนี้สินที่ตั้งไว้จะถูกโอนล้างผลขาดทุนสะสมจึงทำให้ผลขาดทุนคงเหลือ 4,256 ล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 5,752.49 ล้านบาท เมื่อเทียบกับส่วนของทุนที่จดทะเบียนและเรียกชำระแล้วหักส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นมีจำนวนสุทธิ 9,902.86 ล้านบาท ได้อัตราส่วนร้อยละ 58.09 เกินกว่า 50 % ตามเกณฑ์ ดังนั้นบริษัทฯสามารถที่จะแก้ไขเครื่องหมาย C ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด(มหาชน) (โจทก์) ได้ฟ้องธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) (จำเลย) ในคดีแพ่งขอให้ธนาคารกรุงไทยฯเปลี่ยนแปลงงบการเงินไตรมาสแรกปี 2562 โดยให้นำเงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาดที่ดินหลักประกันจำนวน 3,898.70 ล้านบาท ไปบันทึกเป็นค่าความเสียหายในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยศาลได้นัดกำหนดแนวทางการดำเนินคดีหรือสืบพยานโจทก์ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ฝ่ายจำเลยทั้งหมดขออนุญาตขยายคำให้การถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จำเลยทั้ง 13 คน ได้ยื่นขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การออกไปอีก 30 วัน ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดชี้สองสถานในวันที่ 27 เมษายน 2563 และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ศาลยกเลิกนัดและนัดใหม่เป็นนัดชี้สองสถานในวันที่ 30 กันยายน 2563 และในวันที่ 30 กันยายน 2563 ทนายจำเลยทั้งสิบสามขอให้ทนายโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ถึง 13 เนื่องจากเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 กระทำการแทนในนามจำเลยที่ 1 ทนายโจทก์รับเรื่องเพื่อเสนอผู้บริหารโจทก์ โดยได้นัดชี้สองสถานหรือวินิจฉัยชี้ขาดกฎหมายในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 ในวันนี้ทนายจำเลยได้ขอเลื่อนการวินิจฉัยชี้ขาดออกไปเนื่องจากธนาคารกรุงไทยฯได้รับคำวินิจฉัยจากสำนักกรร มการกฤษฎีกาว่ามิได้อยู่ในฐานะรัฐวิสาหกิจจึงมีปัญหาว่าพนักงานอัยการสามารถแก้ต่างเป็นทนายจำเลยให้จำเลย ทั้ง 13 ได้หรือไม่ และโจทก์กำลังหารือเรื่องแนวทางในการประนีประนอมชำระหนี้ให้แก่จำเลยจึงไม่คัดค้านการเลื่อนคดีนัดชี้สองส ถานวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ในวันนี้ศาลได้เลื่อนการนัดชี้สองสถานไปเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2564 นั้น ปัจจุบันศาลได้เลื่อนการนัดชี้สองสถานไปเป็นวันที่ 13 กันยายน 2564 คณะกรรมการเห็นควรให้รอผลของคดีแพ่งดังกล่าวข้างต้น เมื่อมีความคืบหน้าในคดีดังกล่าวบริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนรับทราบผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายชำนาญ วังตาล) (นายไมเคิล อเลคซานเดอร์ วิลเลี่ยม เฟอร์นันเดซ) กรรมการ กรรมการ ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้