ถ้าอยากเลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมให้ถูกใจ สิ่งที่ต้องตอบตัวเองให้ได้เลยก็คือ ต้องรู้ว่าวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่เราต้องการจะลงทุนคืออะไร? เพราะเป้าหมายในการลงทุนจะช่วยตอบว่าหุ้นหรือกองทุนประเภทไหนที่ตอบโจทย์เราที่สุด โดยเป้าหมายการลงทุนสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบตามระยะเวลาในการลงทุน ดังนี้
ขั้นตอนการคัดกรองหุ้น
หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้ง SET และ mai มีมากมาย หากต้องเข้าไปทำความรู้จักและวิเคราะห์ทุกบริษัทคงต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ เราลองมาดูเทคนิคในการคัดกรองหุ้นแบบเบื้องต้น เพื่อย่นระยะเวลาการค้นหาหุ้นที่โดนใจกันเลย
เพราะหุ้นแต่ละตัวมีคุณลักษณะที่ไม่เหมือนกัน สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ระบุให้ได้ว่า เราต้องการลงทุนหุ้นประเภทไหน เช่น บางคนต้องการลงทุนในระยะยาว ก็ควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต หรือบางคนต้องการกระแสเงินสดที่เป็นเงินปันผลจากการลงทุน ก็ควรเลือกหุ้นของกิจการที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ หรือจะเลือกหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เราสนใจจะลงทุนก็ได้ ถ้าเรารู้ใจตัวเองชัดเจน ก็จะเป็นการจำกัดจำนวนหุ้นที่ต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึกให้น้อยลงได้
ปัจจุบันเราสามารถคัดกรองหุ้นได้ง่ายขึ้นโดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น SETSMART หรือหากใครเปิดบัญชีหุ้นอยู่แล้ว และมีการใช้โปรแกรม Settrade Streaming ในการซื้อขายหุ้น ก็จะมีฟังก์ชันที่เรียกว่า Stock Screener อยู่ ซึ่งฟังก์ชันนี้จะช่วยคัดกรองหุ้นได้ตามสไตล์การลงทุน ทั้งหุ้น Value หุ้น Growth และหุ้น Momentum โดยไม่ต้องตั้งค่าเอง หรือหากใครอยากตั้งเงื่อนไขเอง ก็สามารถปรับค่าใน Screener ได้ แถมยังสามารถกดส่งคำสั่งซื้อขายได้ทันที
เมื่อเราได้รายชื่อหุ้นที่ผ่านการคัดกรองจากข้อมูลเชิงปริมาณมาแล้ว สิ่งที่เราต้องทำต่อก็คือ การนำหุ้นเหล่านั้นมาวิเคราะห์แบบเชิงลึกเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในการเติบโตต่อไปในอนาคต โดยใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพมาประกอบ เช่น วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร แผนการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งจะต้องศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เช่น แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) หรือจะฟังจากผู้บริหารที่ออกมาแถลงผลประกอบการเป็นรายไตรมาส ซึ่งรับฟังแบบถ่ายทอดสดได้ที่ www.set.or.th/streaming/vdos-oppday
เพียงเท่านี้... ก็จะได้ “หุ้นที่ถูกใจ” และทำให้เรามีโอกาสบรรลุเป้าหมายในการลงทุนได้แน่นอน
ขั้นตอนการคัดกรองกองทุนรวม
หลังจากที่รู้ตัวแล้วว่าเรามีเป้าหมายในการลงทุนอย่างไร และประเภทกองทุนแบบไหนที่เหมาะสม แต่รู้แค่ประเภทอาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะจริง ๆ แล้ว กองทุนรวมแต่ละประเภทยังแบ่งเป็นกลุ่มย่อย ๆ ตามนโยบายการลงทุนได้อีก ซึ่งเราสามารถศึกษาข้อมูลได้จาก หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (Fund Fact Sheet) ของแต่ละกองทุน เช่น
การคัดกรองและเปรียบเทียบข้อมูลของกองทุนรวมสามารถทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่รวบรวมข้อมูลของกองทุนรวมและให้บริการฟังก์ชันการเปรียบเทียบกองทุนรวมของ บลจ. ต่าง ๆ โดยในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการคัดกรองกองทุนรวมของ 2 เว็บไซต์ คือ www.aimc.co.th และ www.morningstarthailand.com วิธีการคัดกรองก็จะคล้ายคลึงกัน โดยเริ่มต้นจากการระบุ ประเภทและนโยบายการลงทุนของกองทุนรวม จากนั้นก็กำหนด เงื่อนไขการคัดกรองกองทุน เช่น ชื่อ บลจ. การจ่ายเงินปันผล ระดับความเสี่ยง จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ เป็นต้น จากนั้นระบบจะทำการคัดกรองและแสดงเฉพาะรายชื่อกองทุนรวมที่ตรงตามเงื่อนไขที่เราต้องการ หน้าที่ของเราก็คือ ต้องไปศึกษาข้อมูลเชิงลึกของกองทุนรวมเหล่านั้นต่อ เพื่อเฟ้นหากองทุนรวมที่เหมาะสมกับเราที่สุด
หลังจากคัดกรองจนได้กองทุนรวมที่ตรงตามความต้องการของเราแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของกองทุนรวมนั้น ๆ โดยละเอียด จาก “หนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน” และ “Fund Fact Sheet” ที่เปรียบเสมือนเป็น “คัมภีร์” ที่บอกรายละเอียดทุกอย่าง ซึ่งเรา “ห้ามพลาด” ที่จะอ่านเพื่อทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อกองทุนรวม
ฝากทิ้งท้ายเอาไว้... ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมก็สามารถช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราเหมาะที่จะลงทุนแบบไหน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการคัดเลือกหุ้นหรือกองทุน คือ การมีวินัย ติดตามสถานการณ์การลงทุน และทำตามแผนการลงทุนที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด แล้ววัยรุ่นอย่างเราที่มีเวลาลงทุนไปได้อีกยาวนาน ก็จะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ไม่ยากแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจอยากรู้เทคนิคลงทุนสม่ำเสมอแบบ DCA ในหุ้นดี กองทุนเด่น เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินในระยะยาว สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “วางแผนลงทุนสม่ำเสมอด้วยหุ้นและกองทุน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง