อยากทำประกัน แบ่งเงินมาทำเท่าไรดี

โดย บุณยนุช ยุทธ์ประทุม, CFP® นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
44-how-much-should-be-set-aside-for-insurance purchase
Highlight
  • การแบ่งเงินเก็บเพื่อการทำประกัน ควรแบ่งเงินประมาณ 10 – 20% ของรายได้ที่เกิดขึ้น โดยควรคำนึงถึงประโยชน์ของการทำประกัน ผลประโยชน์ทางภาษี วงเงินความคุ้มครองเงินเก็บในอนาคต รวมถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น

  • ข้อดีของการแบ่งเงินไว้เป็นสัดส่วน % จะช่วยให้เรามีโอกาสเพิ่มเบี้ยประกันซึ่งจะเป็นการขยายขนาดความคุ้มครองไปด้วย


เมื่อจะทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพจากเงินเก็บก้อนแรก อาจมีข้อสงสัยว่าควรจะแบ่งสัดส่วนการชำระเบี้ยประกันอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบการเงินส่วนอื่น ๆ และสามารถชำระเบี้ยประกันได้ครบระยะเวลาของสัญญา การจัดสรรเงินเพื่อทำประกัน อาจแบ่งได้เป็น
2 กลุ่มตามลักษณะการได้มาของรายได้ คือ กลุ่มที่มีรายได้หลักจากเงินเดือน และกลุ่มรายได้หลักที่ไม่แน่นอนจากการประกอบอาชีพอิสระ

 
โดยกลุ่มที่มีรายได้หลักมาจากเงินเดือน สามารถวางแผนแบ่งเงินมาทำประกันได้ง่าย เพราะมีรายได้สม่ำเสมอและแน่นอน โดยหลักการเบื้องต้น คือ ควรแบ่งเงินประมาณ 10 - 20% ของรายได้ในแต่ละเดือนมาทำประกัน และเพื่อไม่ให้กระทบกับเงินก้อนอื่น ๆ การทำประกันควรคำนึงถึงประโยชน์ของการทำประกัน ผลประโยชน์ทางด้านภาษี วงเงินความคุ้มครองเงินเก็บในอนาคต รวมถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล หากเกิดการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุไว้ด้วย

 
และเมื่อเงินเดือนหรือรายได้เพิ่มขึ้น หากยังรักษาสัดส่วนของเงินสำหรับทำประกันไว้ได้เป็นอย่างดี ก็จะทำให้มีเงินเก็บและความคุ้มครองของประกันที่เพิ่มขึ้นด้วย เช่น หากเริ่มทำงานด้วยเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท จัดสรรมา 10% ของรายได้ต่อเดือนสำหรับทำประกัน เท่ากับ 1,500 บาทต่อเดือน จะทำให้มีเงินประกันเท่ากับ 1,500 X 12 = 18,000 บาทต่อปี ต่อมาเงินเดือนได้ถูกปรับเพิ่มขึ้นจนกลายเป็น 50,000 บาท ขณะที่สัดส่วนการทำประกันยังคงไว้ที่ 10% ของรายได้ต่อเดือน คือ 5,000 บาทต่อเดือน จะทำให้มีเงินประกันเท่ากับ 5,000 X 12 = 60,000 บาทต่อปี ดังนั้น ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น แม้สัดส่วนการทำประกันยังคงที่ แต่เบี้ยประกันที่จ่ายมากขึ้นจะทำให้ได้รับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

 
สำหรับการจัดสัดส่วนเงินเพื่อทำประกันของผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ควรเริ่มจากความสามารถในการแบ่งเงินก้อนออกมาในแต่ละปี จากนั้นก็นำมาแบ่งเพื่อทำประกันประมาณ 10 - 20% ของรายได้ รวมถึงควรคำนึงถึงประโยชน์ของประกันเป็นสำคัญ และสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วยด้วย

 
ทั้งนี้ อาจมีคำถามว่า การวางแผนประกันสำคัญมากน้อยแค่ไหน ไม่ทำได้หรือไม่เพราะมองว่าดูแลตนเองดีอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาจทำให้เเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัวยิ่งต้องระวังตัวเองมากขึ้น

 
ซึ่งการวางแผนประกันที่ดี จะเป็นการช่วยลดความเสียหายจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ลดความสูญเสีย ไม่ให้เกิดความเสียหายที่มากจนเกินไป ในบางกรณีผู้ทำประกันยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้อย่างเร่งด่วนจากกรมธรรม์ เพื่อนำมาใช้ในเวลาจำเป็นได้อีกด้วย ดังนั้น ผู้ทำประกันจะได้รับทั้งสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลและผลประโยชน์จากการทำประกันอย่างเต็มที่


สำหรับผู้ที่สนใจอยากทำประกัน และรู้แล้วว่าจะแบ่งเงินมาทำเท่าไรดี แต่ไม่รู้ว่าต้องวางแผนอย่างไรเพื่อจะสามารถชำระเบี้ยประกันได้ตลอดระยะเวลาของสัญญา มาเริ่มต้นเรียนรู้การวางแผนการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมเรื่องเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ด้วย e-Learning หลักสูตร เงินทองต้องวางแผน” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 



บทความที่เกี่ยวข้อง