แม้ทุกวันนี้การเดินทางไปไหนมาไหนจะสะดวกขึ้น เพราะมีทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่รถยนต์ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของคนปัจจุบัน แต่ก่อนที่จะซื้อรถยนต์สักคัน นอกจากยี่ห้อรถและราคาที่ถูกใจแล้ว เราควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะตามมา เพื่อเตรียมวางแผนการเงินได้อย่างถูกต้อง
หลังจากที่ทราบถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เมื่อเป็นเจ้าของรถยนต์สักคันแล้ว คราวนี้ก็คงถึงเวลาที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ และดูว่าตนเองมีความสามารถในการผ่อนชำระแค่ไหนแล้วนะ
ดอกเบี้ยผ่อนรถยนต์คิดกันอย่างไร?
สำหรับคนที่มีเงินสดไม่เพียงพอ ลองทำความเข้าใจวิธีคำนวณดอกเบี้ยผ่อนชำระในการซื้อรถที่เรียกกันว่า “การเช่าซื้อ” เพื่อจะได้เตรียมเงินดาวน์และดูความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเอง ซึ่งสูตรที่ใช้คิดจำนวนเงินผ่อนรถต่อเดือนเป็นดังนี้
ตัวอย่าง หากซื้อรถยนต์ใหม่ขนาด 1,600 ซีซี ราคา 700,000 บาท โดยมีเงินดาวน์ 200,000 บาท และขอกู้เงินเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ 500,000 บาท ผ่อนชำระเป็นเวลา 5 ปี เสียดอกเบี้ย 5% ต่อปี (ปีละ 12 งวด รวมเป็น 60 งวด)
ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อดอกเบี้ยที่ต้องชำระ คือ “อัตราดอกเบี้ย” หากอัตราดอกเบี้ยสูง จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็สูง รวมทั้ง “ระยะเวลาในการผ่อนชำระ” หากเราเลือกการผ่อนระยะที่ยาวนาน จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็จะเพิ่มขึ้นสูงตามไปด้วย อีกทั้งยังไม่ได้คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเหมือนการผ่อนบ้าน
ทางเลือกที่ดีที่สุดในการซื้อรถยนต์ คือ “ซื้อด้วยเงินสด” แต่เนื่องจากราคารถยนต์ในปัจจุบันค่อนข้างสูง หากจำเป็นต้องผ่อนชำระ ก็ควรจ่ายเงินดาวน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือกู้ให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งดาวน์มาก ดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายก็ลดลง รวมทั้งควรเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระที่สั้นที่สุด เพราะจะช่วยประหยัดเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยได้
รถยนต์... ยิ่งใช้ยิ่งลด
ดังที่กล่าวไปแล้ว... ว่าการมีรถสักคันจะมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนคงยังไม่เคยคำนวณออกมาอย่างจริงจัง เลยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้รถเท่าไหร่
ตัวอย่าง หากซื้อรถยนต์ใหม่ขนาด 1,600 ซีซี ราคา 700,000 บาท และขอกู้เงินเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ 500,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี โดยขับรถเฉลี่ยวันละประมาณ 50 กิโลเมตร และเสียค่าที่จอดรถอีกเดือนละ 1,000 บาท เราจะมีค่าใช้จ่ายต่อปีคร่าว ๆ (ไม่รวมค่าตกแต่งรถเพิ่มเติม) ดังนี้
หรือ เท่ากับค่าใช้จ่ายประมาณ 17,583 บาทต่อเดือน หรือ 578 บาทต่อวัน นี่ยังไม่รวมค่าเสื่อมราคา ค่าทางด่วน หรือค่าน้ำมันที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นได้ เราก็ควรศึกษาวิธีการใช้รถยนต์ที่สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ เช่น การวางแผนการเดินทางตามสภาพการจราจร การใช้ความเร็ว การเช็คแรงดันลมยาง การตั้งอุณหภูมิแอร์ การบรรทุกสิ่งของในรถ เป็นต้น
เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาขณะที่ขับรถ ดังนั้น การทำประกันจึงสำคัญมาก เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องชดใช้ให้คู่กรณี รวมทั้งลดความเสียหายอื่น ๆ โดยผ่อนหนักเป็นเบา และช่วยให้อุ่นใจว่า ตัวเรา ผู้โดยสาร และทรัพย์สิน จะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันรถยนต์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการขับรถคือ ต้องไม่ประมาท ขับรถตามกฎจราจร มีน้ำใจ และไม่ขับรถหากสภาพร่างกายไม่พร้อม เช่น มึนเมา จะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและความเสียหายต่าง ๆ ได้
สำหรับใครที่สนใจเรียนรู้เทคนิคบริหารจัดการหนี้ ให้มีเงินเหลือใช้ และสามารถเก็บออมเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตได้
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “WMD1101 : หมดหนี้มีออม” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง