แผ่นดินไหวไม่ไกลตัว เลือกทำประกันให้คุ้มครองครบ

โดย พนิดา ชูกุล ผู้เชี่ยวชาญการวางแผนการเงิน เพจมาดามฟินนี่ MadamFinney
TSI-Article-FL-124-choose-earthquake-insurance-Thumbnail
Highlight
  • การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยแผ่นดินไหวผ่านการทำประกันที่ครอบคลุมทั้งประกันชีวิต อุบัติเหตุ สุขภาพ อัคคีภัยบ้านและทรัพย์สิน ตลอดจนประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันเหล่านี้ช่วยปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากภัยแผ่นดินไหวได้อย่างครบถ้วน

  • การเลือกทำประกัน ควรตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองและข้อยกเว้นอย่างละเอียด พิจารณาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมหากจำเป็น และเตรียมความพร้อมในการเคลมประกัน เก็บหลักฐานความเสียหายไว้อย่างครบถ้วน

  • การลงทุนในประกันที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระทางการเงินและความกังวลเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันให้ตัวเองและครอบครัวสามารถฟื้นตัวจากภัยพิบัติได้อย่างมั่นคง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์แผ่นดินไหวในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศไทย ได้สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างคาดไม่ถึง หลายคนอาจคิดว่าแผ่นดินไหวเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้ว ภัยธรรมชาตินี้อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า การเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วน ไม่เพียงแต่ดูแลชีวิตของคุณและครอบครัวในยามวิกฤติ แต่ยังช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

 

เหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งแรงสั่นสะเทือนถึงประเทศไทย สร้างความเสียหายต่ออาคารและทรัพย์สินทั่วประเทศ เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติผ่านการทำประกันภัย โดยเฉพาะการทำประกันชีวิตในการคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว

TSI-Article-FL-124-5-types-earthquake-insurance

5 ประเภทกรมธรรม์ที่คุ้มครองภัยแผ่นดินไหว

จากข้อมูลของสมาคมประกันวินาศภัยไทย กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคจึงควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

1.ประกันภัยส่วนบุคคล

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเป็นหนึ่งในประกันสำคัญที่คนไทยควรมีเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหว โดยให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ค่าชดเชยรายได้รายวันกรณีต้องพักรักษาตัว เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพถาวร หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยบรรเทาภาระของครอบครัวในช่วงเวลาวิกฤติ

 

ควรเลือกแผนที่ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงและคุ้มครองทั่วโลก เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างแผ่นดินไหวอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ ประกันสุขภาพก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะแม้แผ่นดินไหวจะไม่ทำให้เกิดบาดเจ็บรุนแรงเสมอไป แต่เหตุการณ์ที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะเครียดเรื้อรัง วิตกกังวล หรือปัญหาทางร่างกายที่เกิดจากการอพยพหรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

2.ประกันภัยทรัพย์สิน

กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยเป็นประกันอีกประเภทที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหวโดยไม่ต้องซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม มาตรฐานความคุ้มครองสำหรับภัยพิบัติในกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยมีวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติหลายประเภท รวมถึงแผ่นดินไหว

 

สำหรับกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยทั่วไป (ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย) จะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว เฉพาะกรมธรรม์ที่ซื้อความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวเพิ่มเติมเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk: IAR) ที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหวด้วย

3.ประกันภัยยานพาหนะ

กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหวเฉพาะกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือกรมธรรม์ประเภท 2+ / 3+ ที่ขยายความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติเท่านั้น หากมีรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว เช่น จากเศษวัสดุที่ร่วงหล่นจากตึกหรืออาคาร ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

4.ประกันภัยเฉพาะทาง

สำหรับการก่อสร้างและธุรกิจขนาดใหญ่ มีกรมธรรม์ประกันภัยเฉพาะทางที่ให้ความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว ได้แก่ กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาการก่อสร้าง (Contract Work Insurance: CWI) และกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก (Public Liability Insurance: PL) ซึ่งให้ความคุ้มครองจากภัยแผ่นดินไหว หากก่อให้เกิดความเสียหายกับบุคคลภายนอก

5.ประกันภัยพิบัติ

ประกันภัยพิบัติคุ้มครองภัยธรรมชาติ 3 ภัย ได้แก่ ภัยลมพายุ แผ่นดินไหว และน้ำท่วม โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ คือ ต้องมีคำประกาศจากคณะรัฐมนตรีว่าเป็นสถานการณ์ภัยพิบัติ และกรณีแผ่นดินไหว ต้องมีความรุนแรงแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ขึ้นไปนอกจากนี้ ค่าสินไหมภายใต้กรมธรรม์ภัยพิบัติต้องมากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อหนึ่งเหตุการณ์

การเตรียมพร้อมและการเลือกประกันที่เหมาะสม

  • ประเมินความเสี่ยงและความต้องการ ควรประเมินความเสี่ยงของที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวหรือไม่ นอกจากนี้ ควรประเมินมูลค่าทรัพย์สินและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเลือกวงเงินความคุ้มครองที่เพียงพอ
  • การเลือกประกันภัยที่เหมาะสม สำหรับที่อยู่อาศัย ควรทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยซึ่งให้ความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว โดยพิจารณาเพิ่มวงเงินความคุ้มครองหากวงเงินพื้นฐาน 20,000 บาทไม่เพียงพอ สำหรับรถยนต์ ควรเลือกประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือ 2+/3+ ที่มีการขยายความคุ้มครองภัยธรรมชาติ
 
ในส่วนของความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ควรทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงและทั่วโลก และพิจารณาทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยจากผลกระทบของแผ่นดินไหว

ประกันชีวิตที่ครอบคลุมแผ่นดินไหวมีราคาเท่าไร

ประกันชีวิตโดยทั่วไปในประเทศไทยจะคุ้มครองการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ รวมถึงภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว เว้นแต่จะมีข้อยกเว้นระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่หากต้องการความคุ้มครองทรัพย์สินจากแผ่นดินไหวโดยตรง เช่น บ้านหรือทรัพย์สิน ต้องเลือกประกันอัคคีภัยหรือประกันบ้านที่มีความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวโดยเฉพาะ ส่วนประกันชีวิตจะจ่ายเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตจากแผ่นดินไหวตามทุนประกันที่เลือกไว้ แต่จะมีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ดังนี้

  • ประกันชีวิตจะจ่ายเฉพาะกรณีเสียชีวิต ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินจากแผ่นดินไหว
  • หากต้องการคุ้มครองทรัพย์สินจากแผ่นดินไหว ต้องซื้อประกันบ้านหรือประกันอัคคีภัยที่มีความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวโดยเฉพาะ
  • วงเงินคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวในประกันบ้านมาตรฐานมักไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี หากต้องการวงเงินสูงขึ้น สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้

ขั้นตอนการเคลมประกันกรณีแผ่นดินไหว

  • ตรวจสอบกรมธรรม์ ตรวจสอบว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวหรือไม่
  • บันทึกความเสียหาย ถ่ายรูปหรือวิดีโอความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเคลม
  • แจ้งความเสียหาย - รีบแจ้งความเสียหายแก่บริษัทประกันภัยทันที หรือผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด เช่น สายด่วน หรือแอปพลิเคชัน
  • กรณีที่อยู่อาศัยเสียหายและเสี่ยงอันตราย - สามารถดำเนินการซ่อมแซมเพื่อความปลอดภัยได้ก่อน โดยไม่ต้องรอการประเมินจากประกัน แต่ต้องมีการบันทึกภาพความเสียหายไว้ประกอบการขอชดเชย
  • ติดตามการเคลม ติดตามสถานะการเคลมผ่านบริษัทประกัน หรือสายด่วน คปภ. 1186 หากมีปัญหาในการเคลม

 

ระยะเวลาในการเคลมประกันจากแผ่นดินไหว

โดยทั่วไป บริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยลงนามในหนังสือตกลงรับค่าสินไหมทดแทน และบริษัทได้รับเอกสารครบถ้วน ส่วนขั้นตอนการพิจารณาเคลม หลังจากได้รับเอกสารครบ บริษัทจะใช้เวลาตรวจสอบและแจ้งผลการพิจารณาภายใน 7 - 15 วัน หากมีผู้เสียหายจำนวนมากหรือความเสียหายซับซ้อน อาจใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย

 

สรุปขั้นตอนและระยะเวลา

  • แจ้งเหตุและยื่นเอกสารเคลม ควรแจ้งภายใน 7-14 วันหลังเกิดเหตุ
  • บริษัทประกันตรวจสอบและแจ้งผล ภายใน 7-15 วันหลังได้รับเอกสารครบถ้วน
  • จ่ายค่าสินไหม ภายใน 15 วันหลังลงนามตกลงรับค่าสินไหม

 

หมายเหตุ
หากเอกสารไม่ครบหรือมีข้อสงสัยในความคุ้มครอง อาจใช้เวลานานขึ้น ควรติดตามผลกับบริษัทประกันอย่างต่อเนื่อง และเก็บหลักฐานความเสียหายให้ครบถ้วนเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาเคลม

เงื่อนไขที่อาจทำให้การเคลมประกันจากแผ่นดินไหวถูกปฏิเสธ

  • ไม่มีความคุ้มครองแผ่นดินไหวในกรมธรรม์ หากกรมธรรม์ที่ถืออยู่ไม่ได้ระบุว่าครอบคลุมภัยแผ่นดินไหว หรือไม่ได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับภัยนี้ การเคลมจะถูกปฏิเสธทันที
  • ไม่แจ้งเหตุหรือยื่นเคลมภายในเวลาที่กำหนด การแจ้งเหตุล่าช้าหรือยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนตามเวลาที่บริษัทประกันกำหนด อาจเป็นเหตุให้บริษัทปฏิเสธการเคลม
  • ขาดหลักฐานความเสียหาย หากไม่มีหลักฐานชัดเจน เช่น ภาพถ่าย วิดีโอ รายการทรัพย์สิน หรือเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม
  • ความเสียหายเกิดจากข้อยกเว้นในกรมธรรม์ เช่น ความเสียหายที่เกิดจากการออกแบบผิดพลาด (Faulty Design) การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน การก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม โดยหากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ บริษัทประกันมีสิทธิ์ปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม
  • ความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหวโดยตรง เช่น ความเสียหายที่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือความเสียหายที่ไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากเหตุแผ่นดินไหว
  • ความประมาทเลินเล่อหรือจงใจของผู้เอาประกันภัย หากพบว่าผู้เอาประกันภัยมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือจงใจไม่หลบเลี่ยงภัยพิบัติ ทั้งที่สามารถทำได้ บริษัทประกันอาจปฏิเสธการเคลม
  • วงเงินคุ้มครองไม่เพียงพอหรือเกินขอบเขตกรมธรรม์ หากความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าสูงกว่าวงเงินคุ้มครอง หรืออยู่นอกขอบเขตที่กรมธรรม์กำหนด บริษัทประกันจะจ่ายเฉพาะส่วนที่อยู่ในขอบเขตเท่านั้น ส่วนที่เกินจะไม่ได้รับการชดเชย

 

ข้อแนะนำ ควรตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ ข้อกำหนด และข้อยกเว้นอย่างละเอียดก่อนซื้อประกัน และเก็บหลักฐานความเสียหายให้ครบถ้วนทุกครั้งที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันปัญหาการถูกปฏิเสธเคลมในอนาคต

เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณแค่ไหน?


TSI-Article-FL-124-how-to-choose-earthquake-insurance

คำแนะนำในการเลือกทำประกันเพื่อคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว

1.ทำประกันหลากหลายประเภทเพื่อความคุ้มครองรอบด้าน

ควรพิจารณาทำประกันหลายประเภทร่วมกัน ได้แก่ ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันอัคคีภัยบ้านและทรัพย์สิน และประกันรถยนต์ชั้น 1 เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สิน

2.เลือกแผนประกันอุบัติเหตุที่เหมาะสม

ควรเลือกแผนประกันอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงและคุ้มครองทั่วโลก เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างแผ่นดินไหวอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา

3.ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียด

ก่อนตัดสินใจซื้อควรศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครองและรายละเอียดของข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยให้เข้าใจ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่สอดคล้องกับความเสี่ยงภัยมากที่สุด

4.พิจารณาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม

สำหรับประกันอัคคีภัยทั่วไป ควรพิจารณาซื้อความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวเพิ่มเติม และสำหรับประกันรถยนต์ประเภท 2, 3 หรือ 2+ ควรพิจารณาขยายความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม

แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล แม้ประกันชีวิตจะไม่ได้ระบุความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวไว้โดยเฉพาะ แต่โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากภัยพิบัติธรรมชาติรวมถึงแผ่นดินไหว การมีประกันชีวิตควบคู่กับประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ และประกันทรัพย์สินที่คุ้มครองภัยแผ่นดินไหวโดยตรงจะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและลดภาระทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน


สนใจเรียนรู้การบริหารความเสี่ยงด้วยการวางแผนประกันภัย รวมทั้งเรียนรู้ชนิด ประเภท และแบบของการประกันชีวิต การคำนวณหาทุนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อวางแผนคุ้มครองความมั่งคั่งให้ตนเองและครอบครัว ด้วย e-Learning หลักสูตร “คุ้มครองความมั่งคั่ง ด้วยแผนประกันชีวิต


บทความที่เกี่ยวข้อง