วิกฤติหนี้ครัวเรือนไทยทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยสะท้อนตัวเลขสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 89.0% แม้จะมีสัญญาณการชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล
จากผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทย ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี 2567 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 99.7% มีภาระหนี้สิน และอีก 0.3% ไม่มีภาระหนี้สิน โดยหนี้สินส่วนใหญ่คือ หนี้บัตรเครดิต รองลงมาคือ หนี้ซื้อยานพาหนะ, หนี้ส่วนบุคคลเพื่อการอุปโภคบริโภค, หนี้ที่อยู่อาศัย, หนี้เพื่อการประกอบธุรกิจ และหนี้การศึกษา
หากเปรียบปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นโรคร้ายที่คุกคามสุขภาพทางการเงินของคนไทย ประเทศไทยอาจกำลังอยู่ในช่วงที่โรคเริ่มส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจน โดยนอกจากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงแล้ว ตัวเลขดังกล่าวยังสะท้อนว่าคนไทยกำลังแบกรับภาระหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง
สาเหตุของการเป็นหนี้ในยุคนี้มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันหลายมิติ เริ่มจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า ทำให้รายได้ของคนทำงานไม่เติบโตทันกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ หลายคนจึงต้องพึ่งพาบัตรเครดิต , บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันเพื่อประคองชีวิตให้อยู่รอด
ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคดิจิทัลที่การเข้าถึงสินเชื่อทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ประกอบกับกระแสบริโภคนิยมและแรงกดดันทางสังคมที่กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว หลายคนจึงตกอยู่ในวงจรของการก่อหนี้ซ้ำซ้อน เป็นหนี้ก้อนใหม่เพื่อปิดหนี้ก้อนเก่า จนกลายเป็นปัญหาลูกโซ่ที่ยากจะหาทางออก
หากพิจารณาการก่อหนี้ พบว่าเป็นการก่อหนี้เพื่อการบริโภค จึงอาจเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และกลายเป็นหนี้เสีย ดังนั้น หากก่อหนี้บัตรแล้วประสบปัญหาไม่สามารถชำระคืนได้จนเป็นหนี้เสียค้างชำระเกินกว่า 120 วันและต้องการทางเลือกในการชำระหนี้ตามความสามารถ แนะนำโครงการคลินิกแก้หนี้ By SAM ซึ่งเป็นความหวังสำหรับผู้ที่ต้องการกลับมาชำระหนี้ ปลดหนี้อย่างเป็นระบบ โดยโครงการดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเผชิญปัญหาหนี้เสียสารพัดบัตรอย่างครบวงจร
โดยทางโครงการเสนอทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ 3 รูปแบบ
จากตารางข้างต้น เป็นตารางประมาณการค่างวดตามภาระหนี้ของแผนผ่อนชำระแต่ละแบบของโครงการคลินิกแก้หนี้ By SAM โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกแผนการผ่อนชำระที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง โดยพิจารณาจากภาระหนี้ที่มีและค่างวดที่สามารถผ่อนชำระได้ในแต่ละเดือน
หมายเหตุ : แผนการผ่อนชำระเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ ขึ้นอยู่กับสถานะคดีและอายุผู้เข้าร่วมโครงการฯ
: การชำระค่างวดสูงกว่าที่กำหนดไว้ ส่วนเกินจะนำไปตัดชำระเงินต้น ทำให้ปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
การได้รับโอกาสในการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านคลินิกแก้หนี้เปรียบเสมือนการได้รับยารักษาโรคทางการเงิน แต่การที่จะหายขาดจากโรคนี้ได้ ผู้เข้าร่วมโครงการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แข็งแรง
เริ่มจากการรักษาสัญญาในการชำระหนี้อย่างเคร่งครัด เปรียบเหมือนการทานยาให้ครบตามที่หมอสั่ง หากเดือนไหนมีเหตุจำเป็นที่อาจทำให้ชำระเงินไม่ตรงตามกำหนด ควรรีบปรึกษาเจ้าหน้าที่โครงการทันที อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามจนยากจะแก้ไข ควบคู่ไปกับการชำระหนี้ด้วยการการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายถือเป็นกุญแจสำคัญสู่อิสรภาพทางการเงิน
เช่น การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นภาพรวมการไหลเวียนของเงินในแต่ละเดือน จากนั้นพิจารณาตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ที่สำคัญเมื่อเข้าโครงการแล้วจะไม่สามารถก่อหนี้ในระบบก้อนใหม่ได้ เพราะหน้าที่หลัก คือ การปลดหนี้ก้อนเดิมให้หมด
นอกจากนี้ การพัฒนาความรู้ทางการเงินอย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว โครงการได้จัดเตรียมหลักสูตรให้ความรู้ที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการเงินพื้นฐาน ไปจนถึงการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ผู้เข้าร่วมควรตั้งใจเรียนรู้และนำไปปรับใช้ในชีวิตจริง พร้อมทั้งติดตามข่าวสารและความรู้ด้านการเงินจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ
การปลดหนี้ได้สำเร็จถือเป็นชัยชนะที่น่าภาคภูมิใจ แต่สิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่าคือ การรักษาสถานะปลอดหนี้ให้ยั่งยืน เปรียบเสมือนการดูแลสุขภาพที่ต้องใส่ใจทั้งการกิน การออกกำลังกาย และการพักผ่อน การรักษาสุขภาพทางการเงินก็ต้องดูแลอย่างเป็นองค์รวมเช่นกัน
โครงการคลินิกแก้หนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้เสียสารพัดบัตร เพื่อปลดหนี้อย่างเป็นระบบ ด้วยอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนและระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น ทำให้การปลดหนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการปลดหนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโครงการเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยความมุ่งมั่นและวินัยทางการเงินของผู้เข้าร่วมโครงการด้วย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายและการสร้างความรู้ทางการเงินจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณรักษาสถานะปลอดหนี้ได้อย่างยั่งยืน
เรียนรู้เทคนิคบริหารจัดการหนี้ ให้มีเงินเหลือใช้ และสามารถเก็บออมเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตได้ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “หมดหนี้มีออม” ได้ฟรี!
บทความที่เกี่ยวข้อง