นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ไทยประกันชีวิต เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดประกันภัยและประกันชีวิต โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TLI” ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2565
TLI เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ “ไทยประกันชีวิต” ซึ่งเป็นที่รู้จักมายาวนานกว่า 80 ปี มีส่วนแบ่งทางการตลาด (พิจารณาตามเบี้ยประกันภัยรับรวม) สูงเป็น 3 ลำดับแรกของประเทศ 12 ปีติดต่อกันจนถึงปัจจุบัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศจากเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตกว่า 64,000 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีการจำหน่ายผ่านตัวแทนประกันชีวิตของประเทศ มีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านสถาบันการเงิน องค์กรพันธมิตรชั้นนำและอื่นๆ ที่เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า ตลอดจนได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจจาก Meiji Yasuda Life Insurance Company (MY) ผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ (Strategic Shareholder) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นด้วย
TLI มีทุนชำระแล้ว 11,450 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวม 2,316.70 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน 850 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเดิมของบริษัท วี.ซี. สมบัติ จำกัด 1,166.58 ล้านหุ้น และ Her Sing (H.K.) Limited 138.49 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนหุ้นเกิน 161.63 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ และพนักงานบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2565 และผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 11-12 และ 14 กรกฎาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 16 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 37,067.18 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมูลค่าระดมทุน 13,600 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 183,200 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ และมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยประกันชีวิต (TLI) เปิดเผยว่า การนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปลงทุนด้านเทคโนโลยี (Digital Transformation) เพื่อผลักดันบริษัทสู่การเป็น Data Driven Company รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของช่องทางการขายผ่านพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วในปัจจุบันให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมสร้างเงินกองทุนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอบโจทย์การเป็นบริษัทประกันชีวิต แห่งความยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุน และพร้อมดูแลเคียงข้างคนไทย
TLI มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มวี.ซี.สมบัติ ถือหุ้น 50.79% 2) Meiji Yasuda Life Insurance Company ถือหุ้น 15.00% 3) Her Sing (H.K.) Limited ถือหุ้น 6.19% บริษัทฯ ผู้ถือหุ้นเดิม ร่วมกับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายและผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchasers) กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จากการพิจารณาหลายปัจจัย หากพิจารณามูลค่าพื้นฐานของกิจการ (Embedded Value) (เป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อที่จะหามูลค่าผลประโยชน์ที่มีต่อผู้ถือหุ้นจากกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับของบริษัทประกันชีวิต) ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564 เท่ากับ 142,277 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 10,600 ล้านหุ้น จะได้มูลค่าพื้นฐานของกิจการต่อหุ้น 13.42 บาทต่อหุ้น และคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (Price to Embedded Value Ratio : P/EV) ประมาณ 1.19 เท่า และคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Price to Book Value Ratio : P/BV) ประมาณ 2.13 เท่า โดยพิจารณาจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 ที่จะได้มูลค่าตามบัญชีสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 7.50 บาทต่อหุ้น สำหรับธุรกิจประกันชีวิต การประเมินมูลค่าของบริษัทด้วยอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) จะไม่สะท้อนถึงมูลค่ายุติธรรมของบริษัทฯ เนื่องจากไม่สะท้อนถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจจากกระแสเงินสดที่บริษัทฯ จะได้รับจากกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปี ทั้งนี้ TLI มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังจากการหักภาษีและจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.thailife.com และที่ www.set.or.th
อ่านข่าวฉบับเต็ม >> คลิกที่นี่
“SET…Make it Work for Everyone”
บทความที่เกี่ยวข้อง