คำว่าเกษียณภาษาอังกฤษ (retired) เราสามารถแยกเป็น “re” = again หรือแปลว่า “อีกครั้ง” กับ “tired” แปลว่า “เหนื่อย” “retired” จึงแปลได้ว่า “เหนื่อยอีกครั้ง” ซึ่งเป็นการเตือนเรากลายๆ ว่า “อย่าประมาทว่า ชีวิตวัยเกษียณจะเป็นชีวิตสำหรับพักผ่อน จริงๆแล้ว ชีวิตวัยเกษียณอาจเป็นช่วงชีวิตที่เราหนักหนาสาหัสสำหรับเรามากกว่าช่วยวัยทำงานก็เป็นได้”
หลายปีก่อน บริษัท Ernst & Young ได้ทำการสำรวจวิจัยเรื่องวัยเกษียณในงาน “Ernst & Young Retirement Survey” โดยทำการสำรวจความเห็นของผู้เกษียณอายุ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า
ผลวิจัยดังกล่าวบอกถึงปัญหาทางการเงินของคนเกษียณอายุไทย แม้จะเก่าไปซักหน่อย แต่ก็พบว่าไม่ได้แตกต่างจากปัจจุบันเท่าไหร่นัก เพราะจากการสำรวจประชากรสูงอายุุในประเทศไทย ปี 2564 ของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย พบว่าผู้สูงอายุุไทยเพียงครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 54.3) เท่านั้น ที่มี “เงินออม”(ในที่่นี้้ หมายถึง การสะสมเงิน ทรัพย์สิน และการลงทุนในรููปแบบต่างๆ ที่่ไม่รวมบ้านที่่ดินและยานพาหนะ) ในกลุ่มผู้สูงอายุุ ที่่มีเงินออมนี้้ ร้อยละ 41.4 มีเงินออมต่ำกว่า 50,000 บาท และมีเพียงร้อยละ 11.9 หรือประมาณ 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่่มีเงินออม ตั้งแต่ 400,000 บาทขึ้นไป
งานวิจัยเรื่อง “การจัดการทรัพย์สินทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุไทย” ปี 2563 พบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 54.35 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 5,000 บาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มากจากการทำาชีพอิสระ คือ การเกษตร และรองลงมาคือมีรายได้จากบุตรหลานหรือญาติพี่น้อง ทั้งนี้ ผู้สูงอายุมากกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 51.37 ยังมีรายจ่ายเพื่อดูแลบุตรหลานหรือญาติ ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 52.88 ที่ยังคงมีภาระต้องจ่ายคืนหนี้สิน
การแก้ปัญหาทางการเงินเพื่อวัยเกษียณที่ดีจึงต้องมีการเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ และจริงจังในช่วงวัยทำงาน แต่สำหรับคนที่เกษียณในวันนี้แล้ว การบอกให้เตรียมเงินให้มากพอก่อนเกษียณจึงเป็นเรื่องที่สายเกินการ ทำนองเดียวกันกับการที่เราไปแนะนำคนที่กำลังนอนใน ICU ว่าต้องออกกำลังกายเยอะๆ กินอาหารดีๆ
แต่เมื่อการออมเงินเพื่อเกษียณช้าเกินการ แต่การบริหารเงินในวัยเกษียณกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรเอาใจใส่ และจริงจัง สิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์มากๆ ช่วยคนเกษียณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก คือ สิทธิประโยชน์สำหรับคนสูงอายุต่างๆ แต่คนเกษียณหลายคนกลับไม่สนใจปล่อยให้สิทธิประโยชน์ที่ตนเองควรจะได้ หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง ทำนองคล้ายๆ กับ ทิ้งเงินเรี่ยราดอย่างไรอย่างนั้น สาเหตุอาจจะมาจากความไม่รู้ หรือรู้สึกเสียศักดิ์ศรี อันนี้ไม่มีรายงานวิจัยใดวิจัยไว้
แต่หากการที่เราสละสิทธิประโยชน์เพราะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิทธิประโยชน์ต่างๆล้วนมาจากเงินภาษีที่เราจ่าย เท่ากับเราออมเงินเพื่อสำหรับตัวเราไว้ใช้ยามเกษียณนั่นเอง ถ้าเราไม่ใช้สิทธิ ก็เท่ากับเราทิ้งเงินออมของเรา
แต่หากเราไม่ใช้สิทธิ เพราะความไม่รู้ งั้นเรามาดูกันนะว่าสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้ในวัยเกษียณมีอะไรบ้าง
ผู้สูงอายุได้รับสิทธิต่างๆ มากมาย ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ไม่ว่า จะเป็นการบริการทางการแพทย์ การศึกษา การศาสนา การประกอบอาชีพหรือฝึกอาชีพที่เหมาะสม การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะหรือการบริการสาธารณะอื่น การช่วยเหลือด้านค่าโดยสารยานพาหนะ การยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดี หรือในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว การจัดที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่ม การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพเป็นรายเดือน หรือการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
อนึ่ง ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่
ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติโดยใช้งบประมาณของตนเองหรือการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรการบริหารส่วนจังหวัดตามแต่ฐานะของแต่ละแห่ง โดยมีการจ่ายตามอัตราที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด คือ คนละ 300 บาทต่อเดือน แต่ไม่เกิน 600 บาท ตามแต่ฐานะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่ง ซึ่งปัจจุบันมีหลายแห่งที่จ่ายในอัตรา 500 บาทต่อเดือน
** การกู้ยืมรายบุคคลและรายกลุ่มต้องชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย **
สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) โทรศัพท์ 02-255-5850-9 ต่อ 111, 156, 287, 28 เว็บไซต์ www.olderfund.opp.go.th
จะเห็นนะครับ แม้ว่าหลายคนอาจจะพลาดไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างเพียงพอสำหรับชีวิตช่วงเกษียณ แต่ชีวิตเราก็ใช่ว่าจะเดือดร้อนเสียทีเดียว การศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เรามี อย่างน้อยก็ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ให้เราบริหารเงินออมเราไปใช้ในสิ่งจำเป็นอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรามากกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง