เลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างไร ประหยัดภาษีสูงสุด

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์ นักวางแผนการเงิน CFP
Banner-SET-SOURCE-final tax-1200x660

แม้ว่าการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะเป็นหน้าที่ของผู้มีเงินได้ทุกคน แต่อย่างไรก็ตามทุกคนก็อยากจะเสียภาษีอย่างถูกกฎหมายให้น้อยที่สุด วิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้กันมากสำหรับการประหยัดภาษี ก็คือ การใช้สิทธิค่าลดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ RMF ประกันชีวิต หรือล่าสุดก็คือ การซื้อสินค้าบริการในโครงการ Easy E-Receipt ที่ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท ซึ่งหมดเขตไปแล้วเมื่อ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา

อีกกลยุทธ์หนึ่งที่มีประสิทธิผลมากในการประหยัดภาษี แต่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงกันมากเท่าไหร่ ก็คือ การเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กล่าวคือ มีเงินได้บางประเภทที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว โดยผู้มีเงินได้สามารถเลือกที่จะนำมารวมหรือไม่รวมคำนวณในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนปลายปีได้ เราเรียกเงินประเภทนี้ว่า Final Tax หรือ ภาษีสุดท้าย 

โดยทั่วไปเมื่อเรามีเงินได้ มักจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย หรือ หัก ณ ที่จ่าย คือเงินที่คน “จ่าย” ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือนิติบุคคลต้อง “หัก” ไว้ก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับคนรับที่เป็นนิติบุคคล หรือคนธรรมดาก็ได้ แล้วนำส่งเป็นภาษีให้กรมสรรพากรไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป การเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายมีขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ จะได้เสียภาษีน้อยลงตอนยื่นแบบภาษีเงินได้ และยังเป็นวิธีที่สรรพากรใช้ในการได้มาซึ่งข้อมูลเงินได้นั่นเอง ดังนั้น การเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย จึงไม่ได้หมายความว่าเราเสียภาษีถูกต้องเรียบร้อยแล้ว แต่หมายถึง เรายังต้องนำเงินได้นั้นมารวมคำนวณและยื่นภาษีทั้งหมด หากมีภาษีที่จะต้องเสียเท่าไหร่ เราก็หักภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่เสียไปแล้วออกนั่นเอง

แต่สำหรับเงินได้ประเภทภาษีสุดท้าย เมื่อเราเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเงินได้นั้นมารวมคำนวณเงินได้ปลายปีเพื่อเสียภาษีหรือไม่ ถ้าเอามารวมแล้ว เราต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น เราก็ไม่ควรเอามารวม แต่ถ้ารวมแล้ว เราเสียภาษีลดน้อยลง หรือขอคืนภาษีได้มากขึ้น เราก็ควรเอามารวม เราคงอยากรู้แล้วนะว่า เงินได้ประเภทภาษีสุดท้ายมีอะไรบ้าง

เงินได้ประเภทภาษีสุดท้าย หลักๆ มี 3 ประเภท และมีอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายแตกต่างกันดังต่อไปนี้

1
เงินได้ตามมาตรา 40(4) (ก) และ (ข)
อย่างเช่น ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ฯลฯ ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตราสารหนี้ ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนตราสารหนี้ ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีก็ได้
2
เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะ
ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีก็ได้
3
เงินได้ที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้มา โดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร
เราจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้าที่สำนักงานเขตที่ดินตอนทำรายการโอน ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีก็ได้

แต่ก็มีเงินได้บางอย่างที่ไม่ใช่เงินได้ประเภทภาษีสุดท้าย แต่สรรพากรก็ให้สิทธิผู้มีเงินได้ในการเลือกวิธีเสียภาษีได้ อย่างเช่น

1
เงินได้จากการรับ การให้ สำหรับส่วนที่เกิน 10 หรือ 20 ล้านบาทในปีภาษีนั้น
เนื่องจากการรับการให้เป็นเงินได้อื่นๆ (เงินได้ประเภทที่ 8) อยู่แล้ว ดังนั้น จึงสามารถยื่นในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 ตอนยื่นภาษีปลายปี และสามารถเลือกเสียภาษีในอัตรา 5% หรือจะเลือกนำไปรวมคำนวณกับเงินได้ทั้งหมดก็ได้
2
เงินได้สามีภรรยา
ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้ ดังนี้

      (1) ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษี

      (2) สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน โดย

            (ก) ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของตนเป็นเงินได้ของสามีหรือภริยาอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้ หรือ

            (ข) จะแยกยื่นรายการและเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยมิให้ถือเอาเป็นเงินได้ของอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้

            แต่ถ้ามีภาษีค้างชำระ สามีและภริยาต้องร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระนั้น

3
เงินที่นายจ้างให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน
ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีในใบแนบ โดยนำเงินได้ดังกล่าวหักค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่ากับ 7,000 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานแต่ไม่เกินเงินได้พึงประเมิน เหลือเท่าใดให้หักค่าใช้จ่ายอีกร้อยละ 50 ของเงินที่เหลือนั้น แล้วคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้หรือจะนำมารวมกับเงินได้อื่นในการคำนวณภาษีก็ได้

แล้วอย่างนี้ เราควรเลือกเอาเงินได้ที่กล่าวมาแล้วมารวมคำนวณเงินได้ปลายปีเพื่อเสียภาษีหรือไม่ เราก็สามารถตัดสินใจได้ โดยลองกรอกข้อมูลเงินได้ดังกล่าวในโปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เทียบระหว่างรวมกับไม่รวมคำนวณ หรือ กรณีสามีภรรยา เทียบระหว่างยื่นรวมกับยื่นแยก อย่างไหนเสียภาษีน้อยกว่าก็เลือกอย่างนั้น



บทความที่เกี่ยวข้อง