เราทุกคนต่างก็รู้ดีว่า Warren Buffett คือ กูรูการลงทุนของโลก หากถาม Warren Buffett ว่า “อะไร คือการลงทุนที่ดีที่สุด ?” หลายคนอาจนึกว่าคำตอบ คือ “หุ้น” แต่จริงๆ แล้ว Warren Buffett ได้ตอบคำถามนี้แล้วว่า “การลงทุนที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือ การลงทุนในตัวคุณเอง” ซึ่งหมายความถึง การลงทุนในสุขภาพ และที่สำคัญมาก ก็คือ การลงทุนในความรู้ เพราะการไม่มีความรู้ก่อให้เกิดความเสียหายกับเรามากมาย ไม่ว่า เวลา ทรัพยากร เป็นต้น
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ หากวันนี้ เราต้องการเดินทางมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ไม่มีความรู้เลยว่ามาได้อย่างไร กว่าจะมาถึง เราคงต้องเสียเวลา เสียค่าเดินทางมากมายโดยไม่จำเป็นก็ได้ ในด้านการลงทุน หรือการดำเนินชีวิตก็เช่นกัน Warren Buffett เตือนให้เห็นถึงความสำคัญของความรู้ไว้หลายที่ เช่น "ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่เราไม่รู้ว่าอะไรคือหน้าที่ของตนเองหรือไม่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่"
แต่หลายคนก็อาจนึกแย้งในใจเล็กๆ ว่า การลงทุนในความรู้สำคัญก็จริง แต่ค่าความรู้ในปัจจุบันแพงมาก ซึ่งก็ยอมรับว่า “จริงในบางส่วน” อย่างหลักสูตรที่ได้รับความสนใจมากๆ อย่างเช่น หลักสูตรประเภทการพัฒนาตนเอง หรือหลักสูตรเกี่ยวกับการลงทุน ฯลฯ เห็นที่เสนอขายกันในสื่อโซเชียล ราคาแพงมาก และที่สำคัญเลย ก็คือ หลายหลักสูตรคุณภาพกับราคาไม่ไปในทางเดียวกัน แต่โชคดีในปัจจุบันที่เราสามารถหาความรู้ในราคาถูก หรือฟรี ไม่ต้องเสียเงินเลยก็ได้ อย่างเช่น ที่หน้าเพจ SET Thailand (https://www.facebook.com/set.or.th) ที่มีข้อมูลการเงิน การลงทุนดีๆให้เราได้ศึกษา
แต่ไม่เพียงพวกเราทุกคนต้องศึกษาหาความรู้ ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงทั้งจากคู่แข่งปัจจุบันและคู่แข่งด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต องค์กรที่ขาดพนักงานที่มีความรู้ ก็มีความเสี่ยงที่จะล้มหายตายจาก ทำให้หลายๆ องค์กรต้องพัฒนาคนในองค์กรให้มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ซึ่งการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรดังกล่าว นอกจากทำให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นแล้ว กรมสรรพากรได้ให้สิทธิประโยชน์ตาม “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 437)” โดยกำหนดวิธีการหักลดหย่อนตามประเภทของการฝึกอบรมออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
ตามมาตรา 4 (1) กำหนดให้กิจการได้รับยกเว้นเงินได้เป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นหรือที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาและการให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นการศึกษาหรือฝึกอบรมในประเทศไทยเพื่อพัฒนาคุณภาพ ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง
หมายเหตุ: “สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่จะให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นสถานศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ”
ตามมาตรา 4 (2) กำหนดให้กิจการได้รับยกเว้นสำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ดังนี้
1. การอบรมต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือกิจการของนายจ้างความหมายของ “ได้รับยกเว้นเงินได้เป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป” คือ สามารถหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของที่จ่ายไปจริง ตัวอย่างเช่น หากองค์กรมีค่าใช้จ่ายในการอบรมพนักงาน 100,000 บาท ก็สามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีสำหรับการอบรมได้ 2 เท่า ของ 100,000 บาท คือ 200,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้มากขึ้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องจ่ายก็ลดน้อยลง หากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนกับเราบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลของรัฐ เราสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของที่บริจาคจริง ตัวอย่างเช่น เราบริจาคเงินให้โรงพยาบาลของรัฐ 10,000 บาท เราสามารถลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท เมื่อค่าลดหย่อนเพิ่มขึ้น เงินได้สุทธิของเราก็จะลดน้อยลง ทำให้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เราต้องเสียลดน้อยลงตามไปด้วย แต่การบริจาคเงินให้โรงพยาบาลรัฐ (รวมการบริจาคแบบจ่าย 1 ได้ 2 อื่นๆ) เราบริจาคได้สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนภาษี
ข้อที่ดีกว่าของการอบรมพนักงานเทียบกับการบริจาค คือ
เห็นประโยชน์อย่างนี้ ก็น่าจะลงทุนพัฒนาบุคลากรกันนะครับ ได้ทั้งภาษี ได้ทั้งคนที่มีคุณภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง