แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะรู้ว่า วันนี้ประเทศไทยเป็นสังคมคนสูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) คือ มีคนอายุเกิน 60 ปีเกิน 20% ของประชากรทั้งประเทศ และก็เห็นถึงความน่ากลัวของชีวิตวัยเกษียณจากวิกฤติโควิดที่ผ่านมา เพราะโควิดคือแบบจำลองของชีวิตวัยเกษียณที่ดี
โควิดทำให้คนไทยได้รู้ล่วงหน้าว่า เวลาไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย ชีวิตลำบากแค่ไหน
โควิดทำให้คนไทยได้รู้ว่า เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลแพงมากขนาดไหน
ขนาดโควิดกินเวลาแค่ 3 ปี เรายังเดือดร้อนขนาดนี้ แต่ตอนเกษียณอายุ เราจะมีช่วงเวลาที่ไม่มีรายได้ และเจ็บป่วยเป็นสิบๆ ปี เราจะอยู่ยังไง หากไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ
แต่น่าแปลกที่หลายครั้งเวลาไปบรรยายเรื่อง “การวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ”
แล้วอย่างนี้ ใครเป็นฝ่ายถูก ? อยากรู้คำตอบที่ถูกต้อง ก็ควรถามคนที่เกษียณแล้ว ว่าเขาจะทำอะไร ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง
จากรายงานวิจัย Ernst & Young Retirement Survey ที่ถามคนที่เกษียณว่า “หากมีโอกาสอีกครั้ง จะทำอย่างไร ?” เมื่อหลายปีก่อนพบว่า
แสดงว่าการวางแผนเพื่อวัยเกษียณแต่เนิ่นๆ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ทำไมคนหนุ่มสาวถึงมองข้าม ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการออมเงินเพื่อวัยเกษียณกันเลย
เหตุผลส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากพฤติกรรมลำเอียงทางการเงิน (Financial bias) เพราะจากคำถามที่ว่า “มาพูดอะไรตอนนี้” แสดงว่า คนหนุ่มสาวไม่เห็นถึงความจำเป็นของการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ
อะไร คือ พฤติกรรมลำเอียงทางการเงินที่ทำให้เกิดการตัดสินใจอย่างไม่สมเหตุสมผล คำตอบหนึ่งที่พบเสมอ เมื่อถามว่า “ทำไมถึงไม่วางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ?” คือ
“ไม่มีเวลา” แต่กลับมีเวลาไปเช็คอินคาเฟ่เก๋ๆ เพื่อถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย (coffee hopping) ทั้งที่หากมองถึงความสำคัญแล้ว การวางแผนเพื่อวัยเกษียณสำคัญกว่ามาก
สรุป ก็คือ คำว่า “ไม่มีเวลา” ไม่มีจริง มีแต่ “ไม่ให้ความสำคัญมากพอ”
แล้วพฤติกรรมอะไรที่ทำให้คนหนุ่มสาวมีพฤติกรรมลำเอียงไม่เห็นความสำคัญของการวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ
หมายความว่า คนมักให้น้ำหนักความสุขในปัจจุบันมากกว่าความสุขในอนาคต พูดง่ายๆ คือเรามักจะตามใจตัวเองตอนนี้ หาความสุขตอนนี้ แทนที่จะฝืนใจตัวเองตอนนี้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าข้างหน้า แม้ว่าในอนาคตจะให้ผลประโยชน์ที่ดีกว่าก็ตาม พฤติกรรมตัวนี้เคยอ่านพบว่ามาจากพฤติกรรมของคนในยุคดึกดำบรรพ์ที่เวลาล่าสัตว์ได้ ก็จะรีบกินให้มากที่สุด เพราะไม่แน่ว่าอาจหาสัตว์ไม่ได้อีกเลย และเพราะยังไม่รู้วิธีเก็บรักษาอาหาร พฤติกรรมนี้จึงเป็นหนทางแห่งความอยู่รอดที่ถ่ายทอดอยู่ในจิตใต้สำนึกมาถึงปัจจุบัน แต่ในปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปมาก แต่พฤติกรรมนี้ยังไม่เปลี่ยน จึงเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เห็นความสุขในปัจจุบันมากกว่าการมีวินัยทางการเงินเพื่อเก็บออมเงินไว้ใช้ยามจำเป็นในอนาคต
พฤติกรรมหรืออคติทางการเงินเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมที่พบได้ทั่วๆไป ไม่แน่นะ วันนี้เราเองยังอาจไม่แน่ใจตัวเองว่า ตัดสินใจทางการเงินด้วยเหตุผลหรือด้วยอคติ
บทความที่เกี่ยวข้อง