ตามหลักของการร่วมลงทุน นักลงทุนควรต้องรู้ก่อนว่า เรากำลังจะนำเงินไปลงทุนกับใคร เจ้าของหน้าตา บุคลิก สไตล์การบริหารแนวธุรกิจเป็นอย่างไร และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
จึงพบว่า นักลงทุนในยุคนี้ควรต้องรอบรู้ ให้รู้รอบในหลายเรื่องจริงๆ……
ประเด็นที่ถูกหยิบออกมาคุยกัน คือ เรื่องของการกระจุกตัวของนักลงทุน ที่ “กระจุก” อยู่เฉพาะกลุ่ม กรณีการกระจายหุ้นก่อนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เรียกกันติดปากว่า IPO หรือ “หุ้นจอง”
ความเข้าใจเดิม มักคิดกันว่า แนวโน้มของราคาหุ้นจอง เมื่อเข้าตลาดฯ แล้ว ราคามักดี หมายถึง สูงกว่าราคาจองซื้อ นั่นหมายถึง มีส่วนต่างของราคาให้ได้เป็น “ผลตอบแทน”
แต่มาในยุคนี้ มีความไม่แน่นอนที่ราคาวันแรกของการเข้าตลาดฯ อาจผิดคาด ราคาต่ำจอง และไม่เคยไต่ระดับขึ้นไปได้อีก ก็พบเห็นกันมาแล้ว
จึงยังเป็นประเด็น “ถกเถียง” กันว่า อาจเป็นเพราะมีการจัดสรรหุ้นจองแบบ “กระจุกตัว” ส่งผลให้มีการคาดเดาเรื่องอุปสงค์-อุปทาน กันไปได้ต่างๆ นาๆ อีก
การนี้ หน่วยกำกับดูแล-ก.ล.ต. จึงมีการทบทวนหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลรายงานการเสนอขายหุ้น IPO (ตามแผนยุทธศาสตร์ปี 2567-2569 : มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเชื่อถือ และความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย)
หุ้น IPO ต้องเปิดเผยตามเกณฑ์ใหม่ที่กำลังจะถูกยกร่างปรับปรุงในสาระสำคัญ ได้แก่
โดยมีการกำหนดเวลาในการเปิดเผยข้อมูลนี้ ภายในเวลาก่อนวันเข้าทำการซื้อขาย 2 วัน หรือ ภายใน 30 วัน จากวันที่ปิดการจองซื้อ
คราวนี้ หากการทำ Public Hearing ตามเกณฑ์ครั้งนี้ มีผลบังคับใช้ คาดว่านักลงทุนจะได้เห็น รายชื่อ “ขาใหญ่” หรือ “เสี่ย” คนดัง อยู่ในบัญชีรายชื่อเหล่านี้ด้วยหรือไม่
นับเป็น “สองมิติ” ที่อาจถูกตีความได้ว่า มี “ขาใหญ่” ดันหุ้น-เป็นเซเลปคนดังที่ดึงดูดใจนักลงทุนรายบุคคลที่อาจเป็นแฟนคลับกันอยู่ หรือมี “ขาใหญ่” ทิ้งหุ้น หักหลัง หนีตาย กันไปแล้ว
โลกของการลงทุนจึงมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ทั้งที่จับต้องได้ และกลไกอื่นๆ หน่วยงานกำกับดูแลจึงต้องมีการขันนอต แม้กฎหมายอาจชักช้า ตามไม่ทัน แต่หากทุกคนช่วยตาดู หูใส่ จะเป็น “แรงมด” ที่ล้มช้างได้
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนักลงทุนโดยตรง ดังนั้น พวกเราต้องช่วยกันเข้าไปแสดงความคิดเห็นเกณฑ์ดังกล่าว ใน www.sec.or.th ภายในวันที่ 22 มกราคม 2567 นี้
บทความที่เกี่ยวข้อง