กองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG ของ บลจ. 16 แห่ง ได้เปิดขายไปแล้ว 15 วัน ยอดรวม ณ วันที่ 22 ธ.ค. 66 มียอดรวมกันใกล้ถึง 3,000 ล้านบาท หลายท่านได้เข้าซื้อลงทุนกันไปแล้ว รวมทั้งผมด้วย และคาดว่าในช่วง 23-28 ธ.ค. จะมีผู้ที่ตามเข้ามาสมทบอีกจำนวนมาก เพียงแต่ยังรอดูจังหวะ และอาจยังใช้เวลาเลือกดูว่าจะไปเข้าที่กองไหน กับเลือกของ บลจ.ไหน รวมถึงเทียบค่าบริหารกองทุนและค่าใช้จ่ายในชื่ออื่น ๆ ของแต่ละกองทุนมาเทียบกัน
เราลองมาดูว่า 15 วันแรก ใครเป็นผู้นำ 5 อันดับแรก ของการมีมูลค่าทรัพย์สินกองทุน (NAV) มากที่สุด เพื่อให้คุณผู้อ่านได้รู้ว่า กองที่เราได้เลือกไป มีเพื่อน ๆ ร่วมอุดมการณ์ในกองเดียวกันมากหรือเปล่า ขณะที่คุณผู้อ่านที่ยังเลือกไม่เสร็จ อาจได้จุดตัดสินใจว่าเลือกไปทางเดียวกับคนกลุ่มใหญ่ หรือจะใช้ทฤษฎีสวนทางไม่ไปกับคนส่วนใหญ่ก็เป็นได้
ยุทธวิธีของ บลจ.นี้แตกต่างจากทางกสิกรอย่างมาก โดยตั้งประเภทกอง Thai ESG ไว้ถึง 6 แบบด้วยกัน แบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ แบบกองผสม (หุ้นและตราสารหนี้แบบยืดหยุ่นน้ำหนัก) แบบกอง Active (คือใช้ฝีมือผู้จัดการกองทุนมากและคิดค่าธรรมเนียมสูง) และแบบกอง Passive (ลงทุนแบบเกาะน้ำหนักตามดัชนี และคิดค่าธรรมเนียมต่ำ) ทั้งนี้ ทั้ง 3 แบบข้างต้น ก็จะแบ่งกองเป็น 2 ชนิดให้เลือก คือ แบบจ่ายปันผล กับไม่จ่ายปันผล อีกด้วย สรุปแล้วจึงมี 6 กองทุน เมื่อรวมกัน มียอด NAV รวมกันทั้ง 6 กอง 515 ล้านบาท เท่าที่ดูตัวเลขรายกอง พบว่า แบบกองผสมมียอดซื้อมากสุด และกองที่มีนโยบายปันผลมียอดสูงกว่ากองที่ไม่มีนโยบายปันผล
ใช้ยุทธวิธีออกเป็น 3 กอง ใน 3 แนวทางให้เลือก คือ 1.แบบผสมหุ้น ESG เกรด A กับตราสารหนี้ ในสัดส่วน 70/30 ส่วนแนวทาง 2. Active Fund ลงในหุ้น ESG เกรด A และแนวทาง 3. หุ้น ESG 50 ตัวที่ใหญ่สุด โดยทั้ง 3 กองมีนโยบายจ่ายปันผลเช่นเดียวกัน สามารถกวาดยอด NAV มาได้รวมกัน 277 ล้านบาท โดยกองที่ขายดีสุดคือกองแบบผสมหุ้นกับตราสารหนี้ 70/30
ซึ่งมาด้วยการเสนอเป็น 2 กองทุนที่ต่างกัน 2 ขั้ว คือ กองพันธบัตรรัฐบาล กับกองหุ้นในแนว Active Fund ซึ่งนับเป็นเครือธนาคารเล็กที่กวาดยอดได้มากที่สุด รวมได้ถึง 231 ล้านบาท โดยกองพันธบัตรขายดีกว่ากองหุ้น
ส่วนอีก 11 บลจ. เช่น กรุงศรี ทิสโก้ ยูโอบี และ บลจ.อื่น ๆ นั้นก็มียอดลดหลั่นกันลงไป ตั้งแต่ 100 กว่าล้านบาท ลงไปถึงระดับหลายสิบล้านบาท และน้อยสุดคือ ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อพิจารณายอดของแต่ละกอง Thai ESG แล้ว ผมมีข้อสังเกตถึงตัวแปรที่มีผลต่อยอดการซื้อของผู้ลงทุน ดังนี้ครับ
ท้ายนี้ ผมขอเรียนแจ้งไปยังท่านที่เตรียมเข้าซื้อกอง Thai ESG ในช่วงท้าย ๆ ปีว่า ปีนี้ วันที่ 29 ธันวาคมเป็นวันหยุด จึงซื้อได้ไม่เกินวันที่ 28 ธันวาคมนะครับ และต้องไม่เกินช่วงบ่าย (อย่ารอจนเย็น) ตามกำหนดเวลาที่ธนาคารหรือ บลจ. แต่ละแห่งกำหนด ส่วนประเด็นที่ว่าน่าซื้อไหม ใครมีฐานภาษีเท่าไรจะได้กำไรทันทีเท่าไร ผมเขียนและทำตารางไว้ตั้งแต่ฉบับเดือนก่อน อ่านได้ตาม Link นี้นะครับ https://www.set.or.th/th/about/setsource/insights/article/383-thai-esg
บทความที่เกี่ยวข้อง