ในทุกการลงทุน ผลตอบแทนจะออกมารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งใน 4 รูปแบบนี้ แน่นอนว่าหากให้เลือกรูปแบบการลงทุนไหนที่เราชอบมากที่สุด เราคงเลือกรูปแบบที่ 3 คือ ไม่จำกัดกำไร จำกัดขาดทุน และตัดสินว่ารูปแบบที่ 2 เป็นรูปแบบการลงทุนที่แย่ที่สุด คือ จำกัดกำไร ไม่จำกัดขาดทุน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การพิจารณาตัดสินใจลงทุน เราจะพิจารณาผลตอบแทนพร้อมกับความเสี่ยงด้วยเสมอ
เราคงสงสัยกันนะว่า การลงทุนในแต่ละรูปแบบมีอะไรบ้าง เพื่อที่ว่าต่อไปเวลาเราจะตัดสินใจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ หรือ หลักทรัพย์อะไร จะได้พิจารณาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
คือ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำด้วยเช่นกัน อย่างเช่น การฝากเงินธนาคาร ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำมาก แต่ก็มีความปลอดภัยสูง แถมยังมีการคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน
คือ การลงทุนที่จำกัดผลตอบแทนที่ให้ แต่มีความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้สูญเงินต้นได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง ที่มักจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ผู้ถือหุ้นกู้เหล่านั้นไม่สามารถได้รับเงินลงทุนของตนเองคืน หรือ กองทุนประเภท trigger fund ประเภทที่กำหนดว่าเมื่อ NAV กองทุนปรับขึ้นถึงเกณฑ์ที่กำหนดก็จะปิดกองทุน คืนเงินต้นพร้อมผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วย แต่หาก NAV กองทุนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด หรือขาดทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนก็ไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ จนกว่ากองทุนจะเปลี่ยนเป็นกองทุนเปิด แล้วค่อยขายคืนตาม NAV ณ ตอนนั้น ซึ่งอาจขาดทุนจำนวนมากก็เป็นได้
เกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นเกณฑ์ง่ายๆ สำหรับการพิจารณาเบื้องต้นเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่า ควรลงทุนเฉพาะแบบที่ 3 อย่างเดียว เพราะการลงทุน คือ การจ่ายเงินในวันนี้ เพื่อผลตอบแทนในอนาคต คำว่า “อนาคต” หมายถึง ความไม่แน่นอน ดังนั้น เราจึงต้องประเมินโอกาสที่จะได้ผลตอบแทน รวมถึงขนาดของผลตอบแทนที่จะได้ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องประเมินโอกาสที่จะขาดทุน รวมถึงขนาดของความเสียหายที่จะเกิดด้วย รวมถึงกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุน และกลยุทธ์ในการออกจากการลงทุน เพื่อผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
บทความที่เกี่ยวข้อง