การทำรายงานประจำปีของบริษัทจดทะเบียนเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับรู้เรื่องราวของกิจการที่พวกเขาเป็นเจ้าของ เดิมเป็นรูปเล่มสวยงาม ถึงขนาดเคยมีการประกวดชิงรางวัลกันมาแล้ว ในอดีต ยิ่งสวย ยิ่งเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท ทุ่มทุนกันสุดฤทธิ์

กาลเปลี่ยนผ่าน จำนวนผู้ถือหุ้นที่มากขึ้นนับหมื่น นับแสนราย เท่าไหร่จึงจะพอ เมื่อกระแสดิจิทัลเดินทางมาถึง จึงเป็นโอกาสให้นำเสนอเป็นแผ่นซีดี ดีวีดี จากนั้นขยับมาเป็นทางออนไลน์ ให้โหลดได้ตามสะดวก บวกการเร่งเวลาจากกระแสโลกร้อน งานไร้กระดาษ และโควิด-19 ส่งผลให้ทุกอย่างกระโดดเข้าสู่โลกออนไลน์เร็วขึ้น

อีกซีกส่วนของหน่วยกำกับดูแลมองเห็นกระแสนี้แล้ว ก็รีบออกมาช่วยทำให้ทุกอย่าง ง่าย กระชับ ลดภาระของการทำงาน ด้วยการออกนโยบายควบรวมรายงานของบริษัทจดทะเบียน ที่ต้องจัดทำและนำส่งผู้ถือหุ้นตามข้อกฎหมาย  ด้วยการยุบรวมรายงานแบบ 56-1 และ 56-2 เข้าด้วยกัน กลายเป็นชื่อเรียกใหม่ว่า “แบบ 56-1 One Report”

ทาง ก.ล.ต. ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกนโยบายเรื่องนี้ มาตั้งแต่ปี 2562 มีการจัดสัมมนาชี้แจง เล่าเรื่อง มองอนาคตด้วยกัน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ตลาดทุน และเกาะติดไปกับกระแสโลก

โดยกำหนดเส้นทางว่า จะใช้อย่างเป็นทางการในปี 2565 ซึ่งเท่ากับมีเวลาในการเรียนรู้ เตรียมการ ราว 3 ปี

เส้นทางของการเตรียมการ เรียนรู้ การจัดทำ มีทุกแนวทาง เช่น การเปิดหลักสูตรการสอน มีคู่มือ มีตัวอย่าง มีการแชร์ประสบการณ์จากบริษัทจดทะเบียนที่มีความพร้อมมาเล่าสู่กันฟัง จากที่กลัวๆ ว่าจะทำไม่ได้ เกิดแรงฮึด จนถึงกำหนดที่ต้องอยู่ในแถวเดียวกัน สำเร็จเกิดแบบ 56-1 One Report  ให้เราได้อ่านกันทุกบริษัทจดทะเบียนเป็นปีแรก คือ ปี 2565

ปีนี้ 2566 พบว่า การจัดทำแบบ 56-1 One Report  มีพัฒนาการขึ้น เพราะทุกบริษัทมั่นใจขึ้นในการนำเสนอ มีรูปแบบ สีสัน สวยงาม น่าอ่าน มีรายละเอียด สนุก แต่ละบริษัทก็มีความแตกต่างกันออกไป กว่า 800 บริษัทจดทะเบียน อ่านแล้วจึงเหมือนดูซีรีส์เกาหลี ยังไง ยังงั้น เลยล่ะ

กรอบหลักๆ ของการวางโครงของซีรีส์ 56-1 One Report กำหนดไว้ 3 กรอบ หลักๆ คือ 1) การประกอบธุรกิจและผลการดำเนินงาน 2) การกำกับดูแลกิจการ 3) งบการเงิน และยังมีเอกสารแนบอีก

มีการเล่าทะลุทะลวงว่า ยอดขายมาจากไหน ขายให้ใคร ใช้กลยุทธ์แบบไหน จนมีรายได้ มีกำไร กิจการมีความเสี่ยงอย่างไร ความเสี่ยงที่อาจเกิดกับผู้ถือหุ้น การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ (MD&A) เหมือนการเดินเข้าเครื่องเอกซเรย์ให้เห็นซี่โครงทุกซี่ บอกแม้กระทั่งว่า การถือหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่รวมกันมาก จนควบคุมคะแนนเสียงเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ จะพาบริษัทไปในทิศทางใดก็ย่อมได้ มีประเด็นทะเลาะ ฟ้องร้องกับสหภาพแรงงานไหม

เรื่องการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เขาบอกว่า เขาทำอะไรลงไปบ้าง วัดผลออกมาเป็นหน่วยได้ เช่น ลดคาร์บอนได้กี่ตัน ประหยัดพลังงานได้กี่หน่วย และป้องกันเรื่องคอร์รัปชันอย่างไร

ที่น่าอ่านอีกจุด คือ การมองไปข้างหน้าของกิจการ จากเดิมที่มองเฉพาะอดีตที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีใครออกมากล้าพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ คุณจะได้เห็นว่าผู้บริหาร มี “ธง” อย่างไร ?  ประหนึ่งเป็นสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับผู้ถือหุ้น/นักลงทุน